ผีคลองแสนแสบ
ผีคลองแสนแสบ เรื่องเล่า-เรื่องหลอน
ยุคเด็กผมอยู่แถวคลองแสนแสบ ไม่ว่ามีนบุรี หนองจอก หัวตะเข้ ลาดกระบัง คลองหลวงแพ่ง สมัยเก่ายังเป็นเรือกสวนไร่ ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว…ผมพบเรื่องขนหัวลุกเข้าที่เข้าทางคลองแสนแสบนี่เอง!
เวลาเย็นๆผู้ใดนั่งเรือผ่านไปมาจะรู้สึกใจเย็นวังเวงจิตใจชอบกล ต้นไม้ใหญ่ๆยืนทะมึนอยู่สองฟากฝั่ง กอไผ่โน้มลงมาเรี่ยผิวน้ำ ไทรที่มีจีวรผ้าแดงเก่าๆขาดลุ่ยพันอยู่โคนต้น แขวนลงมาตามกิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรากห้อยระย้าลงมาแทบถึงพื้น ไกวไปๆมาๆตามสายลมที่หวีดหวิวครวญไม่หยุดหย่อน
มองดูเผินๆเสมือนมีคนไหนกำลังจ้องดูมาจากข้างหลังม่านไทรย้อยก็ไม่ทราบ
ยิ่งยามเวลาค่ำ ฟ้าสีหมากสงสะท้อนเงาอยู่ในสายน้ำ หันไปมองดูด้านข้างก็มองเห็นดงอ๋อพงหญ้าออกจะสูงครึ้มฟ้าครึ้มฝน ไหนจะมีศาลเพียงตาโย้เย้ เอียงกะเท่เร่จะล้มไม่ล้มแหล่…มาลัยแห้งๆหลุดล่อนเกือบจะหมดทุกพวง แถมศาลที่ว่านี่ยังค่อนข้างจะมากมายอีกต่างหาก
เขาว่ามีคนเสียชีวิตโหงก็ตั้งศาลเพียงตาครั้ง ให้วิญญาณอยู่ตรงนั้นซีครับ! แค่นี้ไม่พอผ่านไปอีกหน่อยยิ่งน่าวังเวงหัวใจสุดๆด้วยเหตุว่าจะถึงป่าช้าเก่าที่ทิ้งร้างมาหลายสิบปีแล้ว
พวกคนแก่หลายคนเล่าว่าเคยถูกผีหลอกตอนพายเรือลดเลี้ยวไปตามคลอง หากเป็นหน้าน้ำบางพื้นที่จะแลเห็นรวงข้าวเหลืองแพรวพราวไปสุดสายตา แต่ว่าเย็นๆค่ำๆอย่าได้ริไปพายเรือเล่นตากลมเข้าเชียว มีหวังโดนผีหลอกไม่รู้ตัว
ตามุดอายุเกือบจะหกสิบเล่าว่าเคยโดนผีหลอกร้ายแรง ไม่รู้ว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร?
เย็นนั้นส่วนปลายปี ตามุดรู้ข่าวว่าบุตรสาวปวดท้องจะคลอดลูก อารามดีใจที่กำลังจะได้หลานก็ลงเรืออีติดพายอ้าวไปโดยทันที…ปรากฏว่าได้หลานชายน่ารักน่าชัง ตามุดก็เชยชมหลานเอ็งกระทั่งเลยเย็นถึงได้พายเรือ กลับไปอยู่บ้าน
ในเวลาที่ผ่านป่าช้าเก่านั่นเอง เรื่องสยดสยองก็เกิดทันที!
ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบเงียบ ท่ามกลางสายหมอกจางนอกจากเสียงสายลมพัดทางไปตามพุ่มไม้กับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ก็คือเสียงพายกระทบน้ำดังจ๋อมๆแม้กระนั้นตามุดชักเฉลียวใจในระหว่างที่มึงนำพายขึ้นมาแล้ว แม้กระนั้นยังไม่ทันตีลงไปก็มีเสียง จ๋อมๆมากมายระทบหู
มีบางอย่างที่จูงใจอยู่ด้านหลัง ชายเฒ่าหันไปดูก็มองเห็นเรือลำหนึ่งพายตามมา ร่างขาวๆที่ท้ายเรือดูเหมือนจะรีบตีพายเร็วขึ้น ในตอนที่ตามุดถือพายราน้ำอย่างลืมตัว
เรือลำนั้นพายขึ้นมาตีคู่ ห่างกันไม่ถึงสองวา…แต่ว่ามันไม่ใช่เรือปกติ
สิ่งนั้นเป็นโลงศพผีชัดๆร่างขาวๆที่อยู่ท้ายเรือก็คือกระดูกล้วนๆหัวกะโหลกเจ้ากรรมโน่นหันมายิ้มกว้างกับมึง…มาแข่งเรือกันมั้ยวะ?
ตามุดเย็นวาบไปทั้งตัว สักครู่หนาวสักครู่ร้อนราวกับจะเป็นไข้ ใกล้จะสติแตกกระโดดลงน้ำอยู่รอมร่อ แต่สะสมความกล้าหาญตีพายลงน้ำไม่คิดชีวิต หีบศพจัญไรโน่นก็แล่นอ้าวจนกระทั่งน้ำบานตีคู่ไปกับมึง พร้อมกับแผดเสียงฮ้าไฮ้ๆๆๆอย่างสนุกสนาน
“ถ้าหากเรือล่มเราคงขาดใจตายไปแล้ว” ตามุดเล่าในวันพรุ่งนี้ “โอย…ผีอะไรมันจะดุฉิบหายวายวอดขนาดนี้ก็ไม่ทราบ”
ราษฎรเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แม้กระนั้นที่แน่นอนเป็นตามุดไม่ยินยอมไปไหนมาไหนค่ำๆมืดๆอีกเลย…จนกว่าวันดีคืนดีผมกับบิดาก็ไปตกปลากันสองคน มองเห็นเรือเพื่อนบ้านหลายลำหยุดเรียงรายกันไปเรื่อยพวกเราพายหลบไปแถวป่าช้าเก่าเพราะว่าตรงนั้นไม่มีคนดี
ทุกสิ่งเงียบสนิทปกติ เสียแต่ว่าเหยื่อตัวอ้วนๆไม่ทราบว่าหายไปไหนหมด นานๆจะวัดขึ้นมาได้ซักคราว แถมหลุดลงน้ำไปอีกครึ่งต่อครึ่ง…จนกว่าค่ำเมื่อไรไม่รู้ตัว
บิดาเก็บเบ็ด เหลียวซ้ายแลขวาพลางงึมงำว่า…เอาละวะ แค่นี้ก็พอเพียงหม้อแกงแล้ว!
เที่ยวกลับอากาศค่อนข้างจะใจเย็น ดาวสะพรั่งฟ้า สายลมพัดหวีดหวิวไม่หยุดหย่อนมีหมอกบางๆลอยเรี่ยผิวน้ำ ทำให้ผมคิดถึงเรื่องที่ตามุดเล่า…ในตอนนั้นเอง เสียงพายดื่มน้ำดังจ๋อมๆค่อนข้างหนักหน่วงก็ดังมาจากเบื้องหลัง
ผมเหลียวมองไม่หยุดหย่อน ใจเต้นปึงปังจนถึงแน่ใจว่าสิ่งที่ตามหลังพวกเรามาเป็นเรือจริงๆไม่ใช่โลงศพผีอย่างที่ตามุดเคยพบ…จนมันพุ่งขึ้นมาตีคู่กับพวกเรา
นรกเป็นพยาน! เรือบดน้ำนั้นสีดำสนิท เท่ากับร่างที่นั่งอยู่กลางลำเรือ เค้าหน้าที่หันมามองดูดำเมื่อม ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้ง…ท่ามกลางเสียงสุนัขหอนโหยหวนมาจากสองฟากฝั่ง บิดาร้องขึ้นว่า…รีบจ้ำโว้ย!
ผมพายหัว บิดาพายท้าย พวกเราฟันกันน้ำบานไม่คิดชีวิต เสียงภูตนรกหัวเราะเย้ยหยันเขย่าขวัญกระทั่งผมแทบขาดใจตายในพริบตานั้นเอง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้าพวกเราจะออกไปตกปลาก็มักรวมทั้งหัวเรือเข้าไปในพงหญ้าไม่ห่างจากบ้านนัก ถึงจะได้ปลาน้อยก็ยังดีกว่าขนหัวลุกละครับ!
ขอขอบคุณแหล่งที่มา facebook
Leave a Reply